สหรัฐผ่อนผันการแบน ‘หัวเว่ย’ 90 วัน ซีอีโอพร้อมรับมือ ชี้ ‘แทบไร้ความหมาย’
สำนักข่าว เซาท์ไชน่า มอร์นิง โพสต์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา สหรัฐได้ผ่อนผันข้อจำกัดบางประการที่มีต่อ “หัวเว่ย” บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนที่ได้ประกาศบังคับใช้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐระบุว่า ได้ให้ใบอนุญาตชั่วคราวแก่หัวเว่ย ให้สามารถซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตในสหรัฐเพื่อให้สามารถรักษาเครือข่ายที่มีอยู่ต่อไปได้ รวมถึงอัพเดตซอฟต์แวร์ในอุปกรณ์ของหัวเว่ยที่มีอยู่ในปัจจุบัน
แต่หัวเว่ยยังคงถูกห้ามไม่ให้ซื้อ “ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์” ของสหรัฐ เพื่อประกอบอุปกรณ์ใหม่โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากทางการสหรัฐ ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะถูกปฏิเสธการให้ใบอนุญาต
การผ่อนผันครั้งนี้มีผล 90 วัน เนื่องจากเกรงว่าการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนของหัวเว่ยในทันที อาจก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างและเกิดผลที่ไม่คาดคิดซึ่งส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐเอง
“เควิน วูล์ฟ” ทนายความและอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐระบุว่า การผ่อนผันนี้ “น่าจะมีเจตนาที่จะจำกัดผลกระทบที่ไม่คาดคิดต่อผู้ที่ใช้งานอุปกรณ์หรือระบบของหัวเว่ย” และ “ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังพยายามป้องกันการล่มของระบบเครือข่าย”
การผ่อนผันนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ “กูเกิล” บริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ที่ให้บริการแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ในอุปกรณ์ของหัวเว่ย ได้ประกาศระงับการดำเนินธุรกิจกับหัวเว่ย เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ตามการออกกฎใหม่ของทางการสหรัฐในวันที่ 16 พ.ค. ที่เพิ่มชื่อของหัวเว่ยและอีก 68 ธุรกิจเทคโนโลยีในบัญชีดำ ห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐทำธุรกิจด้วยหากไม่ได้รับการอนุญาต
อย่างไรก็ตามกูเกิลระบุว่า จะยังคงให้ผู้ใช้งานอุปกรณ์ของหัวเว่ยในปัจจุบันสามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นและดาวน์โหลดการอัปเดตต่าง ๆ ของกูเกิล แต่ในอนาคตจะมีการยุติการให้บริการในอุปกรณ์ของหัวเว่ยอย่างถาวร
สำนักข่าวซีจีทีเอ็นของจีนรายงานว่า ทางด้าน “เหริน เจิ้งเฟย” ซีอีโอของหัวเว่ย กล่าวเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ว่า การให้ใบอนุญาตชั่วคราว 90 วัน “มีความหมายน้อยมาก” และหัวเว่ยมีความพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่แล้ว
นายเหริน ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กลุ่มกับ “ไชน่า มีเดีย กรุ๊ป” โดยระบุว่า หัวเว่ยขอบคุณความช่วยเหลือและคำปรึกษาจากบริษัทต่าง ๆ ในสหรัฐ เขายังกล่าวว่า “นักการเมืองของสหรัฐเป็นผู้ที่สมควรถูกตำหนิ การกระทำของพวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของเราต่ำเกินไป”
เขายังคงมั่นใจว่า การพัฒนาระบบ 5G ของหัวเว่ยจะไม่ได้รับผลกระทบจากกฎใหม่ดังกล่าวของสหรัฐ ซึ่งหัวเว่ยเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายเหริน ระบุว่า หัวเว่ยยังคงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีชิปของสหรัฐในการผลิตอุปกรณ์ ที่ผ่านมาชิปกว่าครึ่งหนึ่งของหัวเว่ยซื้อจากสหรัฐ และส่วนที่เหลือผลิตโดยหัวเว่ยเอง เขาระบุว่า “แม้ว่าเราจะสามารถสร้างชิปในแบบเดียวกับสหรัฐได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ซื้อชิปจากสหรัฐ” ดังนั้นเราจะยื่นอุทรณ์เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยีชิปร่วมกันต่อไป